รูปแบบการวิบัติ
- Overturning : ป้องกันโดยคอนโทรลให้ตำแหน่ง Resultant Force อยู่ในระยะบวกลบ B/4 จากศูนย์กลางฐานรากกรณีฐานรากวางบนดิน หรือ บวกลบ 3B/8 สำหรับกรณีฐานรากวางบนหิน (หรือคอนโทรล F.S. ไม่น้อยกว่า 1.5 สำหรับการเช็คที่ service load โดยที่ F.S. = Mstabilize/Mdrive )
- Bearing Capacity : ป้องกันโดยไม่ให้หน่วยแรงอัดใต้ฐานเกินหน่วยแรงแบกทานที่ยอมให้ของดินใต้ฐาน การคิดหน่วยแรงกดใช้วิธี effective area (Be = B-2*e) ซึ่งจะได้เป็นหน่วยแรงแบบ Equivalent uniform pressure ใช้ในการตรวจสอบ Bearing capacity และการทรุดตัว เท่านั้น ( ส่วนการออกแบบตัวฐานรากให้คิดการกระจายแรงโดยการรวมหน่วยแรงปกติ คือ Stress = P/A + MC/I )
- Sliding : ป้องกันโดยไม่ให้แรงดันด้านข้างมีค่ามากกว่าแรงเสียดทานใต้ฐาน ใช้ Reduction Factor 0.80 สำหรับดินทราย 0.85สำหรับดินเหนียว (หรือให้ F.S. มีค่าไม่น้อยกว่า 1.5 สำหรับการเช็คที่ service load โดยที่ F.S. = Fstabilize/Fdrive )
แรงที่มากระทำ
- dead load (DC) : คิดตามหน่วยน้ำหนักวัสดุ
- vertical earth pressure (EV) : คิดตามหน่วยน้ำหนักวัสดุ ประมาณ 1.8-2.0 ตัน/ตร.ม.
- lateral earth pressure (EH) : ในการเช็คเสถียรภาพให้ใช้ Active Earth Pressure Coefficient (ka)
- live load surcharge (LSV ,LSH) : น้ำหนักจรใช้ค่า 0.5-1.0 ตัน/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
- wind load (if any) (W) : กรณีมีกำแพงให้คิดแรงลมด้วย คิดค่าแรงลมอย่างน้อย 50 กก./ตร.ม. หรือตามสภาพแวดล้อม
คิดแรงดันน้ำกระทำกับกำแพงไหม?
โดย่สมมติฐานปกติจะไม่คิดแรงดันน้ำมากระทำต่อกำแพงกันดิน จะใช้วิธีเตรียมรูระบายน้ำที่กำแพงเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของน้ำจึงไม่จำเป็นต้องคิดแรงดันน้ำ
เหตุผลที่ไม่ควรนำดินเหนียวมาเป็นวัสดุถมหลังกำแพง?
- การบดอัดดินเหนียวทำได้ยาก
- เมื่อการบดอัดที่สมบูรณ์ทำได้ยาก ก็ทำให้มีแนวโน้มจะเกิดโพรงปริมาณมากในเนื้อดิน ทำให้เกิดการทรุดตัวมากในภายหลัง
- ดินเหนียวบางชนิดมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรสูง เมื่อแห้งก็จะหดตัวจนเกิดรอยแตกกว้างที่ผิวดิน เมื่ออิ่มตัวด้วยน้ำก็จะพองตัว
สัดส่วนโดยประมาณของ ความสูงต่อความยาวฐาน ( ไม่รวมกรณีมีแรงลม )
ลองพิจารณเสถียรภาพต่อการ overturning
พิจารณาฝั่ง drive จะเห็นว่าแรงที่มีผลให้โครงสร้างล้มคว่ำคือ EH และ LSH
พิจารณาฝั่ง stabilize จะเห็นว่าแรงที่ต้านทานการพลิกคว่ำคือ EV
แทนค่าสมการจะได้
ใช้ MathCAD ช่วยลดรูปสมการฝั่งซ้าย จะได้
จัดสมการใหม่ ให้อยู่ในรูป function ของ Hw
สมมติค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ดังนี้
กำหนดค่าตัวแปร
ใช้โปรแกรม MathCAD ช่วยหาคำตอบ
ลองหาอัตราส่วนระหว่างความกว้างฐานต่อความสูง
จะเห็นว่าที่ความสูง 1 ม. ต้องการความกว้างฐาน 55% ของความสูง อัตราส่วนจะค่อยๆลดลงตามความสูง จนที่ความสูง 8 เมตร จะต้องการความกว้างฐาน 42.8% ของความสูง
ถ้า plot กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง ความสูงในแกนตั้ง กับความกว้างฐานในแกนนอน จะได้ดังนี้
ต่อไปลองพิจารณเสถียรภาพต่อการเคลื่อนตัวด้านข้าง
พิจารณาฝั่ง drive จะเห็นว่าแรงที่มีผลให้โครงสร้างเคลื่อนตัวคือ EH และ LSH
พิจารณาฝั่ง stabilize จะเห็นว่าแรงที่ต้านทานการเคลื่อนที่คือ EHP และ f
จากนิยามของอัตราส่วนความปลอดภัย
แทนค่าสมการจะได้
ใช้ MathCAD ช่วยลดรูปสมการฝั่งซ้าย จะได้
จัดสมการใหม่ ให้อยู่ในรูป function ของ Hw
สมมติค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ดังนี้
ใช้โปรแกรม MathCAD ช่วยหาคำตอบ
ลองหาอัตราส่วนระหว่างความกว้างฐานต่อความสูง
จะเห็นว่าที่ความสูง 1 ม. และ 2 ม. ผลลัพธ์มีค่าติดลบแสดงว่าแรงผลักทั้งหมดไม่ชนะแรง Passive ที่ต้านทานอยู่ ที่ระดับ 2 ม. จะเริ่มต้องการแรงเสียดทานมาช่วย โดยความกว้างที่ต้องการมีค่า 12.7% ของความสูง และค่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนที่ความสูง 8 เมตร จะต้องการ ความกว้างฐาน 48.9% ของความสูง
ถ้า plot กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง ความสูงในแกนตั้ง กับความกว้างฐานในแกนนอน โดยPlot ลงในกราฟเดียวกับ กรณี Overturning จะได้ดังนี้
จากกราฟด้านบน จะเห็นว่าเกิดจุดตัดกราฟที่ความสูง ประมาณ 6.435 ม. ความสูงที่ต่ำกว่าความสูงนี้พฤติกรรม overturning จะเป็นตัว control ความต้องการความกว้างของฐาน ส่วนความสูงที่มากกว่า 6.435 ม. พฤติกรรม sliding จะเป็นตัว control
ผลลัพธ์ดังกล่าวนี้เป็นจริงเฉพาะค่าพารามิเตอร์ที่ใช้ในการคำนวณ ณ ที่นี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ในกรณอื่นๆซึ่งต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของดินเป็นสำคัญ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้แนวโน้มว่าผลลัพธ์จะประมาณเท่าไร
link ไฟล์ MathCAD >>> https://drive.google.com/file/d/1aWzrdcRO_z-i6LMRt_AVuOLPd7BGnlZF/view?usp=sharing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น